ให้นักศึกษาทำการพิจารณาจากเงื่อนไขต่อไปนี้ พร้อมให้เหตุผลประกอบว่าเหตุใดควรเลือกการเชื่อมต่อแบบใยแก้วนำแสงหรือแบบสายทองแดง
1.) ต้องการความเร็วในการเชื่อมต่อเครือข่ายสำหรับเครื่อง Desktop
คำตอบ ในการเชื่อมต่อเครือข่ายสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์แบบ Desktop นั้น ควรเลือกใช้ สายแบบทองแดงเพราะราคาของสายสัญญาณ,ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและการดูแลรักษามีราคาถูก สามารถควบคุมการเชื่อมต่อและการแพร่กระจายของข้อมูลได้ดีแต่สายสัญญาณประเภทนี้มีข้อเสียในเรื่องของการป้องกันสัญญาณรบกวนได้ไม่ดีมากนัก
2.) ต้องการให้ประสิทธิภาพในการเชื่อมต่อระหว่างวงแลนมีความเร็วสูง

คำตอบ ควรเลือกใช้ สายเคเบลใยแก้วนำแสง (Optical Fiber Cable)
ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นสายสัญญาณที่ถือว่าเป็นสายสัญญาณที่มีความเร็วสูงที่สุดในการเชื่อมต่อ ด้วยสายสัญญาณแบบอื่นๆ และมีความเร็วไกล้เคียงกับความเร็วแสงมากเนื่องจากสนามแม่เหล็กไฟฟ้าไม่ สามารถรบกวนการรับส่งข้อมูลได้ ซึ่งความเร็วในขณะนี้จะถูกกำจัดด้วยความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลของตัว อุปกรณ์เอง การ สื่อสารผ่านใยแก้วนำแสงมีจุดเด่นคือสามารถส่งสัญญาณหลาย ๆ ช่องไปได้พร้อมๆ กัน โดยใช้เทคนิคการผสมสัญญาณ (multiplexing) ที่นิยมใช้คือการทำ WDM (wavelength divison multiplexing) เป็นการส่งสัญญาณแต่ละช่องด้วยแสงที่มีความยาวคลื่นต่างกัน ทำ ให้สามารถ ส่งข้อมูลได้มากกว่ามหาศาลเมื่อเทียบกับการสื่อสารผ่านสายทองแดงแบบเดิม
3.) ระยะทางที่สายสัญญาณเดินทางผ่านต้องผ่านเครื่องกำเนิดพลังงานไฟฟ้า

คำตอบ ควรเลือกใช้สายสัญญาณเเบบใยเเก้วนำแสง เพราะ การ สื่อสารผ่านใยแก้วนำแสง เป็นระบบการสื่อสารที่ใช้แสงผสมกับข้อมูลที่ต้องการส่งในรูปแบบดิจิตอล แล้วจึงส่งผ่านตัวกลางคือใยแก้วเส้นผ่านศูนย์กลางขนาด 250 ไมครอน ซึ่งมีขนาดเล็กมากทำให้สายเคเบิล 1 เส้น สามารถรวมเอาสายสัญญาณหลายเส้น แสงจะถูกส่งผ่านไปยังตัวรับคือโฟโตดีเทคเตอร์เพื่อแปลผลค่าสัญญาณจากแสงเป็น สัญญาณไฟฟ้า และใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์แปผลเป็นข้อมูลอีกครั้งหนึ่ง
4.) ต้องการระบบที่ง่ายต่อการตวรจสอบและซ่อมบำรุงกรณีเกิดปัญหาหารเชื่อมต่อ

คำตอบ ควรเลือกใช้สายสัญญาณแแบบทองเเดง เพราะมี การควบคุมการเชื่อมต่อของสัณญาณได้ดี เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับความผิดพลาดของการเชื่อมต่อสามารถหาจุดที่เกิดปัญหา ได้อย่างรวดเร็ว ราคาต่ำ จึงง่ายเเละสะดวกในการติดตั้งเพราะอาศัยสายทองเเดงเป็นหลักในการส่งสัญญาณ เมื่อสายชำรุดก็สามารถซ่อมได้ทันที
5.) รองรับการเพิ่มจุดการเชื่อมต่อสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ notebook เพิ่มเติมอย่างน้อย 4เครื่อง

คำตอบ ควรเชื่อมต่อแบบสายโคแอกเชียล สาย โคแอกสามารถส่งสัญญาณได้ ทั้งในช่องทางแบบเบสแบนด์และแบบบรอดแบนด์ การส่งสัญญาณในเบสแบนด์สามารถทำได้เพียง 1 ช่องทางและเป็นแบบครึ่งดูเพล็กซ์ แต่ในส่วนของการส่งสัญญาณ ในบรอดแบนด์จะเป็นเช่นเดียวกับสายเคเบิลทีวี คือสามารถส่งได้พร้อมกันหลายช่องทาง ทั้งข้อมูลแบบดิจิตอลและแบบอนาล็อก สายโคแอกของเบสแบนด์สามารถส่งสัญญาณได้ไกลถึง 2 กม. ในขณะที่บรอดแบนด์ส่งได้ไกลกว่าถึง 6 เท่า โดยไม่ต้องเครื่องทบทวน หรือเครื่องขยายสัญญาณเลย ถ้าอาศัยหลักการมัลติเพล็กซ์สัญญาณแบบ FDM สายโคแอกสามารถมีช่องทาง (เสียง) ได้ถึง 10,000 ช่องทางในเวลาเดียวกัน อัตราเร็วในการส่งข้อมูลมีได้สูงถึง 50 เมกะบิตต่อวินาที หรือ 800 เมกะบิตต่อวินาที ถ้าใช้เครื่องทบทวนสัญญาณทุก ๆ 1.6 กม. ตัวอย่าง การใช้สายโคแอกในการส่งสัญญาณข้อมูลที่ใช้กันมากในปัจจุบัน คือสายเคเบิลทีวี และสายโทรศัพท์ทางไกล (อนาล็อก) สายส่งข้อมูลในระบบเครือข่ายท้องถิ่น หรือ LAN (ดิจิตอล) หรือใช้ในการเชื่อมโยงสั้น ๆ ระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้นควรเลือกใช้สัณญาณแบบนี้เพราะ สามารถควบคุมจุดการเชื่อมต่อและการแพร่กระจายของข้อมูลได้ดี ป้องกันการรบกวนของข้อมูล มีต้นทุนในการติดตั้งที่ต่ำ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น