10 วิธีสลัดปัญหา อินเทอร์เน็ตช้าเป็นเต่า
(เกณฑ์ประสิทธิภาพ +10%)
สำหรับสายเคเบิ้ลที่ต่อจากเราเตอร์ไปยังเครื่องพีซี หรือระหว่างโมเด็ม DSL ไปเราเตอร์จะเป็นสายเคเบิ้ล LAN ปกติ ไม่ใช่สายครอส ซึ่งวิธีตรวจก็ไม่ยากให้ดูว่า การเข้าสายทั้งสองฝั่งนั้นจะมีการเรียงลำดับสายสัญญาณขนาดเล็กที่เหมือนกัน ส่วนสายโทรศัพท์ที่จะเข้าไปยังโมเด็ม หรือเราเตอร์ก็ควรต่อตัวแยกสัญญาณ Splitter ระหว่างสัญญาณ ADSL และโทรศัพท์ให้ถูกต้อง หรือจะเปลี่ยนใช้สายโทรศัพท์ใหม่ทั้งหมดเลยก็ดีมาก
2. การอัพเดตเฟิร์มแวร์ช่วยให้ประสิทธิภาพของเราเตอร์ดีขึ้น
(เกณฑ์ประสิทธิภาพ +5%)
คุณควรดาวน์โหลดเฟิร์มแวร์ของเราเตอร์เวอร์ชันล่าสุดมาใช้งาน เพราะบางครั้งผู้ผลิตจะเสริมฟังก์ชันใหม่ที่ให้คุณใช้งานเราเตอร์ได้สะดวกและคุ้มค่ามากขึ้น ในอีกทางหนึ่ง การอัพเดตเฟิร์มแวร์ก็ช่วยเพิ่มเสถียรภาพในการทำงานได้ดียิ่งขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ส่วนใหญ่สามารถกำหนดให้ทำการอัพเดตโดยอัตโนมัติได้ แต่ก็ควรตรวจดูการตั้งค่าเพื่อให้แน่ใจว่า เฟิร์มแวร์กำลังจะอัพเดตนั้นเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุดจริงๆ
3. บริหารแบนด์วิดธ์ให้อินเทอร์เน็ต เพื่อการใช้งานที่เหมาะสม
(เกณฑ์ประสิทธิภาพ +10%)
ในเราเตอร์จะมีออปชันให้ผู้ใช้จัดการกับแบนด์วิดธ์อินเทอร์เน็ตตามที่คุณต้องการ อาจจะอยู่ในรูปแบบของการจัดลำดับความสำคัญ (Priority) การตั้งค่าแอพพลิเคชัน (Application Rules) หรือการจัดการคุณภาพบริการอินเทอร์เน็ต (QOS) อย่างเช่น คุณใช้งาน VoIP และ Video Streaming มาก ก็ต้องแบ่งแบนด์วิดธ์ให้มีความสำคัญสูง
4. ค้นหาตำแหน่งจัดวางที่ดีที่สุดภายในบ้านให้กับเราเตอร์ไร้สาย
(เกณฑ์ประสิทธิภาพ +20%)
ผู้ใช้งานส่วนใหญ่มักจะวางเราเตอร์ไร้สายเอาไว้ในจุดที่ไม่เหมาะสม แต่ถ้ามีที่ว่างพอบนผนังก็ให้ติดตั้งเราเตอร์ให้สูงกว่าสิ่งกีดขวาง จากนั้นใช้ฟรีแวร์ Ekahau HeatMappe แสดงแผนผังความแรงของสัญญาณไร้สายภายในบ้านและตรวจสอบว่า ตำแหน่งเครื่องพีซีหรือโน้ตบุ๊กอยู่ในจุดที่มีการรับสัญญาณดีหรือยัง และจัดตำแหน่งเสาอากาศให้ชี้ไปทางเครื่องพีซีหรือโน้ตบุ๊ก เท่านี้การรับสัญญาณก็จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
5. หลีกหนีย่านความถี่ที่แออัดด้วยเราเตอร์ไร้สาย “5GHz”
(เกณฑ์ประสิทธิภาพ +10%)
เราเตอร์ไร้สายทั่วไปจะกระจายสัญญาณคลื่นความถี่ 2.4GHz เช่นเดียวกับอุปกรณ์ไร้สายอื่นๆ เช่นโทรศัพท์ไร้สาย หรือเตาไมโครเวฟ ดังนั้นมันจึงมีการถูกรบกวนอยู่มากแล้ว แต่ด้วยเราเตอร์รุ่นใหม่อย่าง D-Link DIR855 หรือ Linksys WRT610N ที่สามารถใช้ย่านความถี่ 5GHz ได้ ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพของเครือข่ายไร้สายเพิ่มสูงขึ้น ถึงกระนั้นคุณก็ต้องมีโน้ตบุ๊กหรือการ์ดไวร์เลสที่สนับสนุนด้วย
6. เลือกช่องสัญญาณไร้สายที่ไม่ชนกับเพื่อนบ้าน (เกณฑ์ประสิทธิภาพ +20%)
ถ้าคุณใช้เราเตอร์ไร้สายความถี่ 2.4GHz ก็จะเหมือนกับเราเตอร์ของเพื่อนบ้าน ทำให้เกิดการรบกวนและหักล้างสัญญาณกันเอง แต่โชคดีที่เราเตอร์ส่วนใหญ่จะแสดงช่องสัญญาณ ทั้งยังสามารถสแกนหาช่องสัญญาณที่มีคนใช้น้อยที่สุดและตั้งค่าให้ใช้ช่องสัญญาณนั้นๆ โดยอัตโนมัติ ถ้าหากว่า เราเตอร์ไม่ได้เลือกช่องให้คุณหรือยังมีช่องสัญญาณที่ไม่มีคนใช้งานก็ให้เปลี่ยนไปใช้ช่องสัญญาณนั้นจะดีกว่าเพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครือข่ายไร้สายของคุณเอง
7. ทำการตั้งค่าอย่างถูกต้องให้กับค่า MUT (เกณฑ์ประสิทธิภาพ +4%)
MTU เป็นตัวกำหนดขนาดของแพ็กเกจข้อมูลให้วิ่งผ่านทางเครือข่าย ซึ่งปกติค่าของวินโดว์สจะมีขนาดเกินกว่าที่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตใช้กันอยู่ ค่าที่เหมาะสมสำหรับอินเทอร์เน็ต ADSL ในบ้านเราคือค่า 1492 และการเปลี่ยนค่า MTU นี้ก็สามารถทำได้โดยเรียกคอมมานด์ไลน์ขึ้นมา (พิมพ์ cmd ลงในช่องค้นหาของวินโดว์ส) จากนั้นพิมพ์ “netsh interface ipv4 set subinterface “1” mtu=1492 store=persistent”
8. กำจัดซอฟต์แวร์ตัวถ่วง รวมถึงจัดการกับตัวป้องกันไวรัสแบบซํ้าซ้อน
(เกณฑ์ประสิทธิภาพ +5%)
โปรแกรมในเครื่องพีซีส่วนใหญ่จะมีการอัพเดตเบื้องหลัง ซึ่งมีส่วนทำให้อินเทอร์เน็ตช้าลง และการยกเลิกการใช้งานด้วย Uninstall ก็ไม่ได้ขจัดการเชื่อมต่อเหล่านั้นออกไปได้ทั้งหมด ผู้ใช้งานจึงควรความสะอาดรีจิสทรีหลังจากการ Uninstall ด้วย ส่วนการใช้โปรแกรมป้องกันไวรัส 2 ตัวในเครื่องเดียวแม้จะปลอดภัย แต่ก็ทำให้การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตช้าลงด้วย
9. กำหนดให้ไฟร์วอลล์ทำงานอย่างถูกต้อง (เกณฑ์ประสิทธิภาพ +10%)
ไฟร์วอลล์เป็นระบบที่ทำหน้าที่ป้องกันอันตรายจากอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่ายภายนอก ดังนั้นมันจึงสามารถสกัดกั้นมัลแวร์ได้ ประเด็นสำคัญก็คือ ควรจะใช้ไฟร์วอลล์เพียงตัวเดียว เพราะถ้าให้มันทำงานในแบบขนานหรือใช้ไฟร์วอลล์ 2 ตัว เครื่องพีซีของคุณจะทำงานได้ช้าและระบบจะมีช่องโหว่มากขึ้น ทั้งยังจะอนุญาตให้การเข้าใช้งาน Firefox, Opera และบราวเซอร์อื่นๆ ก็ต่อเมื่อคุณปิดการทำงานของไฟร์วอลล์ลง
10. ใช้ปุ่มรีเซ็ตและตั้งค่าทั้งหมดใหม่ (เกณฑ์ประสิทธิภาพ +15%)
การตั้งค่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอาจนำมาสู่ความสับสนและความผิดพลาดจนเราเตอร์ทำงานได้แย่ลงการเริ่มทุกอย่างใหม่ด้วยการกดปุ่มรีเซ็ตของเราเตอร์ให้กลับมาใช้ค่าพื้นฐานจากโรงงานก็เป็นทางเลือกที่รวดเร็วกว่าการค้นหาข้อผิดพลาด แต่คุณต้องมั่นใจว่าคุณสามารถตั้งค่าการเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการรวมถึงการสร้างเครือข่ายไร้สายได้อย่างถูกต้อง เพราะค่าจากโรงงานจะเป็นการตั้งค่าที่ไม่ถูกต้อง
ขอขอบคุณ www.chip.in.th
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น